News

กระแสหุ้นไอพีโอมาแรง เดือน ม.ค. เสนอขายแล้วกว่า 2,324 ล้านบาท

สำนักงาน ก.ล.ต. เผยเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 2 บริษัท มีมูลค่าการเสนอขาย 2,324 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าช่วงเดือนเดียวกันปีก่อน สะท้อนกระแสการลงทุนในหุ้นไอพีโอ (IPO) ทั้งนี้ปัจจุบันมีบริษัทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอ 1 บริษัท และอีก 16 บริษัทอยู่ระหว่าง Pre-consult

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีมีบริษัทระดมทุนมูลค่ารวมกว่า 2,324 ล้านบาทถือเป็นจํานวนที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มียอดการระดมทุนที่ 120 ล้านบาทซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดทุนเป็นแหล่งทุนที่สำคัญและยังมีการระดมทุนผ่านตลาดทุนอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2564 แม้เป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 มีหลักทรัพย์ไอพีโอ (IPO) รวม 41 หลักทรัพย์ซึ่งมีจำนวนสูงที่สุดในรอบ 4 ปี

โดยมีมูลค่าการเสนอขายรวม 137,273.66 ล้านบาทซึ่งถือเป็นมูลค่าการเสนอขายสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มประเทศอาเซียนและปัจจุบันมีค่าขอที่ได้รับอนุญาตพร้อมเสนอขาย 7 บริษัท และอยู่ระหว่างการพิจารณาคําขอ 15 บริษัท และอีกกว่า 50 บริษัท อยู่ระหว่าง Pre-consult ด้านการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลสะสมจนถึงปัจจุบันมีมูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท

ในปี 2565 ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 ม.ค. 2565 มีไอพีโอ (IPO) จำนวน 2 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าการเสนอขายทั้งสิ้น 2,324 ล้านบาทโดยมาจากหมวดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างจํานวนดังกล่าวมากกว่าปี 2563 ในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งที่มีจำนวน 1 บริษัท และมีมูลค่าเสนอขาย 120 ล้านบาท

 

ปัจจุบันมีบริษัทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอ 1 บริษัท และอีก 16 บริษัท อยู่ระหว่าง Pre-consult ในด้านการระดมทุนผ่าน Crowdfunding ปี 2565 สําเร็จแล้ว 44 บริษัท มูลค่ารวม 135.46 ล้านบาท (ผลรวมสะสมทั้งสิ้น 144 รายมูลค่า 1,564.05 ล้านบาท) นอกจากนี้การระดมทุนผ่านการเสนอขายหลักทรัพย์วงแคบของ SMEs สะสมจนถึงปัจจุบันมีทั้งสิ้น 16 บริษัท มูลค่า 271.33 ล้านบาท

 

สำหรับตราสารหนี้ภาคเอกชนมีการออกตราสารหนี้ระยะยาวมูลค่า 1,026,929 ล้านบาทตราสารหนี้ระยะสั้นมูลค่า 642,864 ล้านบาท (1 ม.ค. 2554-31 ธ.ค. 2564) นอกจากนี้ตั้งแต่ต้นปี 2555 การออกเสนอขายตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนแล้วมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท (ผลรวมสะสมทั้งสิ้น 21 บริษัท มูลค่า 321,116 ล้านบาท) ส่วนมูลค่าตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดภายในปี 2565- 2566 มีจํานวนทั้งสิ้น 1.39 ล้านล้านบาทเป็น Investment grade bond 1.29 ล้านล้านบาท (93%) และ High yield bond 0.10 ล้านล้านบาท (7%)

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance